1. Historical สามารถนำมาวิเคราะห์แนวโน้มเชิงสถิติได้
2.Analytical มีการกำหนดเป้าหมาย
3.Intregration มีความเชื่อมโยง
4.Accuracy มีความถูกต้อง ครบถ้วน กระทบยอดได้
5.Retrievable สืบค้นง่าย มีความคล่องตัว
6.Auto Input/Tracking ใช้เทคโนโลยีช่วยในการบันทึกและสืบค้น
7.Standard Base มีความเป็นมาตรฐานเดียวกัน กำหนดเป็น Code ได้
8.Matrix/Cube สามารถวิเคราะห์ได้หลากหลายมิติ
แนวความคิดในการทำ Business intelligence ก็เพื่อมาแก้ข้อจำกัดขององค์กรที่มีเพียงข้อมูลทางบัญชีซึ่งมักจะไม่มีความสามารถมากพอในเรือ่ง Analytical(2) คือไม่เป็นข้อมูลที่เทียบกับเป้าหมาย Integration(3) และไม่สามารถแสดงความเชื่อมโยงกับงานหรือผลลัพธ์ด้านต่างๆ หรือแม้กระทั่งเป้าหมายขององค์กร
ในขณะที่ความถูกต้อง แม่นยำของข้อมูลบัญชีก็จะมีอยู่ในระดับหนึ่ง พอลงไปในระดับที่ลึกๆลงไปหลายรายการก็ใช้วิธี Allocation ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้ในการบริหารได้
ส่วนข้อ 5-7 นั้น ถ้าจะใช้ข้อมูลเพื่อบริหารงานประจำวัน จะพบว่า ข้อมูลทางบัญชีซึ่งจะออกเดือนละครั้งและเป็นข้อมูลในอดีต มักจะไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้บริหารงานประจำวัน และการวางแผนงาน จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีการสร้างระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารขึ้นมา ตอบสนองความต้องการด้านการบริหาร โดยมีลักษณะตาม 8 ข้อที่กล่าวข้างต้น โดยนำหลักการ Activity Base มาใช้ในการออกแบบโครงสร้างการเก็บข้อมูล และใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการเก็บข้อมูล เช่น RFID เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น