แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Agile แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Agile แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Agile & Resilience แบบกิ้งก่าจิ้งจก

 



โลกสับสน ต้องลองค้นหาต้นแบบใหม่เพื่อความอยู่รอด.

องค์กรที่จะสามารถเอาตัวรอดและเติบโตในยุคนิวนอร์มอล อาจจะต้องใช้คุณสมบัติของกิ้งก่าและจิ้งจกเป็นต้นแบบกันแล้ว !!

ถ้าจะเปรียบเปรยสัตว์ที่มีพฤติกรรมเป็นต้นแบบขององค์กรสักชนิดหนึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะพูดถึง “ช้างหรือคิงคอง” ที่มีความแข็งแรงใหญ่โต  หรืออาจจะเป็นสัตว์ที่มีสายตายาวไกลมองเห็นอนาคตอย่าง “นกอินทรีย์”  แต่ในยุคนี้ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก องค์กรต้องมีการปรับตัวกันมากมาย  สัตว์ที่คิดว่าน่าจะเป็นต้นแบบในยุคนี้ที่เราอาจจะต้องพิจารณาสนใจ ก็คือ “กิ้งก่าและจิ้งจก” นะครับ

สำหรับ กิ้งก่า เราจะเห็นว่ามันมีชีวิตมานานมากแล้วนะครับ  อาจจะเป็นรุ่นเดียวกับไดโนเสาร์ด้วยซ้ำไป  แต่วันนี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่ เพราะมันมีความสามารถที่สำคัญอันนึงก็คือเรื่องของการ “ปรับตัว” เช่น กิ้งก่า ที่เปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อมที่มันอยู่เพื่อพรางตัวจากศัตรู

ส่วน จิ้งจก นั้นเราจะเห็นลักษณะสำคัญอีกอันหนึ่งที่สำคัญของมันก็คือ “การฟื้นคืนสภาพ” เมื่อไหร่ที่มันโดนประตูหนีบหางขาดหรืออะไรเนี่ยนะครับมันก็จะสามารถฟื้นคืนสภาพงอกหางใหม่ขึ้นมาได้ในเวลาไม่ช้า อันนี้เป็นลักษณะที่สำคัญสำหรับองค์กรในยุคปัจจุบัน คือจะต้องมีความสามารถในการปรับตัวได้คล่องเหมือนกับกิ้งก่าเปลี่ยนสีได้แล้วก็สามารถฟื้นคืนสภาพกลับมาได้เหมือนกับจิ้งจกที่งอกหางใหม่ได้นะครับ 

องค์กรที่มีการปรับตัวเร็วแบบกิ้งก่าเปลี่ยนสี อาจหมายถึงการทำงานที่มีระบบการทำงานที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป มีความร่วมมือไม่ว่าจะเป็นกับพาร์ทเนอร์ ผู้ส่งมอบ ส่งมอบที่มีความยืดหยุ่น มีโครงสร้างการทำงานไม่ซับซ้อนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการสื่อสารภายนที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ยกตัวอย่าง องค์กร 7- Eleven เวลาเกิดปัญหาอะไรหรือผู้บริหารระดับสูงประชุมกันในประจำสัปดาห์นะครับประชุมเสร็จภายในเวลาไม่นานนัก  สาขาอื่นอีก 10,000 กว่าสาขาทั่วประเทศก็จะได้รับรู้ข่าวสารการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากบอร์ดบริหาร แล้วนำไปปฏิบัติอย่างทั่วถึงทันเหตุการณ์

ส่วนการฟื้นคืนสภาพที่ดีแบบจิ้งจกหางขาดแล้วก็งอก ถ้าเป็นการบริหารองค์กร ก็อาจหมายถึง มีการคาดการณ์อนาคต  แล้วก็มีการเตรียมความพร้อมในการที่จะสำรองแผน  แผนสองแผนสามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หรือแม้ว่าแผนจะเกิดความผิดพลาด ก็จะหาทางกลับมาเริ่มใหม่ให้ได้อยู่ดี  ขอยกตัวอย่างธุรกิจของต่างประเทศนะครับ มีบริษัทหนึ่งเค้าเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของจำหน่ายยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาสุขภาพสัตว์ของฟาร์มซึ่งกำลังจะถูกรัฐบาลห้ามขายยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์  แทนที่เค้าจะท้อแท้เพราะว่ากิจการโดนบังคับให้ปิด แต่เขากลับหาทางฟื้นคืนสภาพคือเริ่มต้นใหม่ โดยทบทวนดูว่ามีอะไรที่พอจะเอามาใช้ได้บ้าง  สิ่งสำคัญที่เขามีอยู่ก็คือฐานลูกค้าที่เป็นฟาร์มที่ยังมีสัตว์เลี้ยงอยู่  เขาจึงเข้าสู่ธุรกิจ การดูแลสุขภาพสัตว์โดยใช้สารชีวภาพ(ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ) ซึ่งต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ส่วนความรู้เดิมก็หาทางต่อยอดไปสู่งานวิจัยขั้นสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีระดับสูงและนวัตกรรม ไปสู่ทำยาปฏิชีวนะสำหรับวงการแพทย์ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเดิมเป็น 100 เท่าเลยทีเดียว

ฝากไว้นะครับ  ในวันที่ประสบปัญหาท้องฟ้ามืดครึ้ม ให้นึกถึงว่า สักวันต้องเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ในขณะที่วันที่ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่ ก็ให้นึกถึงวันที่เลวร้ายที่สุดและเตรียมความพร้อมไว้

วันชัย ตันจารุพันธ์

Email ; wanchai@vpconsult.biz

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ทำพลาดให้เร็ว ล้มไปข้างหน้า คุ้มค่ากว่ามานั่งรอ (#Agile #Concept)



ทำพลาดให้เร็ว ล้มไปข้างหน้า คุ้มค่ากว่ามานั่งรอ (#Agile #Concept)




 


.

Agile (#อไจล์) คือ  กรอบแนวคิด และวิธีการทำงานอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว เพื่อปรับเปลี่ยนให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง

.

แนวคิดนี้ จะทำให้#ทุกคนในทีมหันมาเน้นการสื่อสารกันมากขึ้น

กล้าเสี่ยงที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ทั้งๆที่ไม่สามารถที่จะการันตีผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้

เรียนรู้จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไปพร้อมกับการปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ

.

หลายๆองค์กรเอาแนวคิดนี้ เข้าไปประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิดและแนวการทำงาน ให้สามารถปรับตัวได้เร็วขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้พึงพอใจขึ้น

.

Agile  เริ่มจากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ต้องการปรับกระบวนการให้คล่องแคล่วทันยุค #Digital #Transformation จึงร่วมกันออกแบบ “#คำประกาศ(#Manifesto)  ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้า/บริการ/กระบวนการอื่นที่ต้องการความคล่องตัวเช่นกัน ซึ่งคำประกาศนั้น มี 4 ข้อ คือ

.

1.Individuals and interactions over processes and tools

การให้ความสำคัญกับตัวผู้ทำงานและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำงาน มากกว่าขั้นตอนวิธีการหรือเครื่องมือ

.

2. Working software* over comprehensive documentation

การสร้างซอฟต์แวร์ (หรือผลิตภัณฑ์/บริการ/กระบวนการทำงาน)ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง มากกว่าเอกสาร คู่มือ หรือการใช้เวลาในการวางแผนเอกสารงาน

.

3. Customer collaboration over contract negotiation

การทำงานร่วมกับลูกค้า มากกว่าการต่อรองสัญญากับลูกค้า

.

4. Responding to change over following a plan

การยอมรับปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ (หรือผลิตภัณฑ์/บริการ/กระบวนการทำงาน)ตามความเปลี่ยนแปลงของความต้องการของลูกค้า มากกว่าการทำตามแผนการเพียงอย่างเดียว

.

วิธีการดังกล่าวจะเปลี่ยนจาก ทำงานแบบแยกตามหน่วยงาน(Silo) เป็น  ทีมข้ามสายงาน(Cross Function Team) ทำงานใกล้ชิดกับลูกค้า  เปลี่ยนจาก เน้นไอเดียที่มีคุณภาพ เป็น  เน้นปริมาณไอเดีย  เปลี่ยนจาก ทำงานตามลำดับขั้นตอนใหญ่ๆแบบน้ำตกไหลลงมาเป็นชั้นๆ(Waterfall Model) เป็น  รอบการทำงานสั้นๆ(Sprint) ประกอบด้วย Discover Design Develop Test เพื่อให้ทีมงานสามารถส่งมอบงานย่อยคร่าวๆที่พอใช้การได้ให้ลูกค้าดูได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ เพื่อจะได้รับ Feedback มาจากลูกค้าได้รวดเร็ว ส่งผลให้

·         Fail Fast  ถ้าผิดพลาด ก็ได้แก้ไขแต่เนิ่นๆ

·         Fail Cheap  เสียหายไม่มากเพราะยังไม่ได้ทำถึงขั้นสมบูรณ์แบบ

·         Fail Forward  นำความผิดพลาดเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้และปรับปรุงให้ดีขึ้น

เพื่อที่จะนำ Feedback เหล่านั้นกลับมา ปรับจูน(Refinement)  และนำกลับไปเข้าวงจร Discover Design Develop Test  ต่อไป

.

หลักการที่สนับสนุนการทำงานแบบ Agile

·         ยึดความต้องการลูกค้าเป็นที่ตั้ง

·         ไม่เบื่อที่จะแก้ไขงาน เพื่อผลงานที่ใช้ได้จริง

·         ส่งมอบงานสม่ำเสมอด้วยรอบเวลาที่สั้นลง

·         สร้างทีมที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย เชื่อมั่นว่าทุกคนมีศักยภาพในการทำงาน

·         ทีมที่มีพลัง สื่อสารภายในทีม รับผิดชอบตัวเอง และปรับปรุงพัฒนาต่อเนื่อง

.

ข้อแนะนำในการพิจารณานำไปประยุต์ใช้

·         วิธีการทำงานแบบนี้ อาจไม่เหมาะกับทุกองค์กร ควรจะนำไปทดลองกับทีมหรือโครงการเล็ก ๆ เสียก่อน และหากมีแนวโน้มที่ดี จึงค่อยขยายผลทดลองกับทีมหรือโครงการที่ใหญ่ขึ้นต่อไป    

·         เหมาะกับการทำงาน โครงการที่ต้องการความคล่องตัว เนื่องจาก

o   การเปลี่ยนแปลง Requirement ตลอดเวลา

o   ลูกค้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการอะไร

o   ลูกค้าอยากได้ระบบที่ใช้งานได้เร็วที่สุด (ยังไม่ครบฟังก์ชันก็ได้)

o   ไม่รู้ว่าคนอื่นภายในทีมกำลังทำอะไรกันอยู่

            ถ้าเป็นแบบนี้ ก็จะได้ผลงานที่ #คล่องแคล่ว #ว่องไว #ตรงใจลูกค้า

·         ถ้าลูกค้า หรือรูปแบบการทำงานขององค์กรคุณเป็นแบบนี้  การใช้ Agile อาจไม่ work ก็ได้

o   Requirement ชัด ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ

o   ต้องการความเป็นทางการ ความสมบูรณ์แบบ

o   ต้องการตรวจยืนยันตามขั้นตอน

ถ้าเป็นแบบข้างต้น กรณีที่คุณส่งงานที่ “พอใช้การได้” เพื่อขอ Feedback มาปรับปรุงต่อ ทางลูกค้าหรือเจ้านายของคุณอาจไม่พอใจ และคิดว่า คุณส่งงาน “ชุ่ยๆ”มาให้ได้ยังไง?  แบบนี้ก็ต้องระวัง อาจเสียความน่าเชื่อถือได้

.

.

 

วันชัย ตันจารุพันธ์

เพจ : แผนธุรกิจ

wanchai@vpconsult.biz