วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565

9 ขั้นตอนการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ


 อุตส่าห์จะคิดทั้งที ต้องคิดแบบมี step ด้วย 9 ขั้นตอนการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ

💡.
ในการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ผมมักจะแนะนำองค์กรลูกค้าให้กำหนดขั้นตอนในการวางแผนไว้ 9 ขั้นตอน ดังนี้
✅1. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลพร้อมใช้สำหรับวางแผน อาจต้องทำขั้นตอนนี้มาตลอดทั้งปี มีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสม
✅2. กำหนด/ทบทวน ทิศทางการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม และทิศทางในดำเนินธุรกิจ
✅3. จัดทำกลยุทธ์ ทีมงานร่วมกันตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุด มีการเชื่อมต่อแผนงานต่างๆให้สอดคล้องกัน
✅4. กำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมาย กำหนดทั้งส่วนที่เป็นเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาว
✅5. วิเคราะห์และทบทวนระบบงาน เพื่อให้ทุกส่วน ทุกกระบวนการ มีความสอดคล้องสนับสนุนต่อกลยุทธ์ที่กำหนด
✅6. จัดทำแผนปฏิบัติการ เป็นการสร้างความชัดเจนว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามเป้าหมาย ทั้งแผนงาน แผนเงินและแผนคน
✅7. ถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ ทั้งรูปแบบการสื่อสาร การสร้างความมุ่งมั่นรับผิดชอบต่อเป้าหมายแผนงาน ครอบคลุมทั้งคนในและนอกองค์กร
8. ติดตาม วัดผล เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติยังคงอยู่ และไม่ออกนอกลู่นอกทาง
9. ประเมิน ทบทวนและปรับปรุง สะท้อนแรงยึดเกาะต่อเป้าหมายที่เหนียวแน่น ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทำให้การปฏิบัติมีความคล่องตัว
.
สรุป 💥ถ้าเริ่มต้นด้วยการคิดถึงผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือคิดวางแผนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามนั้น แล้วที่เหลือก็คือทำให้ได้ตามแผน จังหวะนี้ไม่ต้องคิดมากแล้ว แค่ทำให้ได้ตามแผนงานแต่ละส่วนตามเป้าหมายย่อยๆ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็รออยู่ข้างหน้าแล้ว
.

TOWS Matrix

 

TOWS Matrix คือเครื่องมือวิเคราะห์กลยุทธ์ ที่เรียบง่ายแต่ใช้ได้ผล โดยใช้แนวคิดพื้นฐานคือรู้จักจุดแข็ง(#Strength) จุดอ่อน(#Weakness) ของตัวเอง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับโอกาส(#Opportunity) และอุปสรรค(#Threat) ที่กำลังพบเจออยู่ นำมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ออกมาได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
.
1.#SO เติบโต ขยาย เป็นส่วนที่เรามีจุดแข็งและกำลังมีโอกาสที่ดี แนวทางตอบสนองต่อเงื่อนไขนี้ ก็คือต้องพยายามสร้างการเติบโตให้มากที่สุด เช่น เรามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพ และพบว่าโอกาสแนวโน้มคนสูงอายุเพิ่มมากขึ้นและมีความห่วงใยเรื่องสุขภาพมาก เราก็นำมาสร้างหรือขยายแผนธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เป็นต้น
.
2.#ST ใช้จุดแข็ง แล้วขยาย เป็นส่วนที่เรามีจุดแข็งอยู่ แต่สถานการณ์จะมีอุปสรรคหรือภัยคุกคามเกิดขึ้น เราจึงต้องใช้จุดแข็งที่เรามีอยู่ฝ่าฟันอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปให้ได้ เพื่อจะได้สามารถเติบโตได้อยู่ เช่น ธุรกิจนิตยสารสิ่งพิมพ์กำลังพบภัยคุกคามคือ คนมีแนวโน้มจะซื้ออ่านน้อยลง แต่เขามีจุดแข็งในเรื่องการผลิต Content จึงออกแผนการผลิตสื่อ Social ในรูปแบบต่างๆโดยใช้ความเก่งในการผลิต Content ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายอย่างมืออาชีพ
.
3.#WO แก้แล้วโต เป็นสถานการณ์ที่ในภาพรวมเกิดโอกาสที่ดีที่ใครคว้าได้ทันก็จะสบาย แต่เราดันไม่พร้อมที่จะเก็บโอกาสนั้น ด้วยจุดอ่อนของเราเอง จึงต้องรีบออกแผนมาแก้ไขจุดอ่อนของตัวเอง เพื่อจะได้เก็บโอกาสที่เกิดขึ้นได้ทัน เช่น ในช่วงที่ผ่านมา กิจการร้านค้าเพิ่มยอดซื้อเกี่ยวกับอุปกรณ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ซึ่งเราก็ทำธุรกิจอยู่ในวงการนี้แต่ผลิตภัณฑ์ยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ซึ่งแบบนี้ก็ต้องรีบแก้จุดอ่อนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
.
4.#WT ลด เลิก เป็นสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจเลย คือสถานการณ์ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค ตัวเราก็ไม่มีความพร้อม จึงเต็มไปด้วยปัญหาและมองไม่เห็นอนาคต ถ้าวิเคราะห์ออกมาว่าตกอยู่ในสถานการณ์นี้จริงๆ การถอนตัวออกจากธุรกิจก็ถือเป็นกลยุทธ์ชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ก่อนจะเลือกวิธีการนี้ อาจลองหาแนวทางอื่นก่อนก็ได้นะครับ เช่น หาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญกว่าเข้ามาร่วมมือกัน เปลี่ยนช่องทางหรือกลุ่มเป้าหมายที่เรามีความได้เปรียบกว่าคู่แข่งและหาจุดแข็งใหม่ที่โดดเด่นของเรา เป็นต้น
.

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2565

ดีขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง หัวใจของการปรับปรุงกระบวนการ

 


ถ้าตั้งโจทย์ด้วยหัวใจของการปรับปรุง 3 ข้อข้างต้น ก็ดูเหมือนเครื่องมือการจัดการผลิตที่ชื่อว่า “LEAN” น่าจะเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ได้ตรงกับหัวใจมากที่สุด เพราะเป้าหมายที่สำคัญของการทำระบบ LEAN ก็คือ #ลดต้นทุน #เพิ่มคุณค่า #ปรับตัวได้เร็ว

.
ความหมายตรงๆ ของ LEAN คือ การระบุและกำจัดความสูญเปล่า ในกระแสคุณค่าของกระบวนการ ดำเนินการตามจังหวะความต้องการของลูกค้าด้วยการดึง ให้เกิดการไหลอย่างต่อเนื่อง ราบเรียบ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
.
จากความหมายข้างต้น ก็พอจะเห็น How to อยู่ว่า ถ้าอยากจะนำ LEAN มาใช้ จะเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง แต่ต้องขอชี้แจงตั้งแต่ตรงนี้นะครับว่า LEAN เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงที่ต้องทำทั้งระบบ ไม่ใช่ทำเฉพาะจุด เฉพาะส่วน อย่างน้อยก็มีคำว่า “กระแสคุณค่า” ซึ่งไม่ใช่ แค่คุณค่าเฉพาะจุดเดียว แต่เป็นสายธารของคุณค่าที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ขยายความจากความหมาย เป็น How To หรือ ขั้นตอนการดำเนินการสำหรับองค์กรที่ทำระบบ LEAN มักจะเห็นโดยทั่วไปว่า แบ่งได้ 5 ขั้นตอน คือ
.
✅1.ชี้บ่งคุณค่า ทำความเข้าใจว่าอะไรคือคุณค่า อะไรเป็นความสูญเปล่า ค้นหาความสูญเปล่าเหล่านั้นแล้วกำจัดออกไป
✅2.สร้างกระแสคุณค่า นำคุณค่าชี้บ่งมาเขียนเป็นผังกระแสคุณค่า เพื่อให้เข้าใจกระบวนการชัดเจน เห็นโอกาสในการปรับปรุง
✅3.ทำให้กระแสคุณค่าไม่ติดขัด ทำให้เกิดการไหลคล่องทั้งในส่วนของกระบวนการผลิตและข้อมูล
✅4.ให้ความสำคัญเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น วางแผนการผลิตโดยใช้ความต้องการของลูกค้าเป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริง
✅5.ค้นหาความสูญเปล่าและกำจัดออกไปอย่างต่อเนื่อง
.
การดำเนินการให้เกิดผลในขั้นตอนต่างๆนั้น มีเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าใช้งานได้จริง คุณจึงเพียงแค่ไปเรียนรู้การใช้เครื่องมือ ตัดสินใจเลือกเครื่องมือการจัดการที่เหมาะสม แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับลักษณะกระบวนการในองค์กรของคุณ
.
ผมจะขอยกตัวอย่างเครื่องมือที่นิยมนำมาใช้ โดยขอจัดกลุ่มตามสาเหตุรากเหง้าของปัญหา ซึ่งเมื่อมีการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต มักจะสรุปรวมได้อยู่ 3 กลุ่มนี้ คือ
1.การออกแบบที่ไม่ดี เครื่องมือพื้นฐานที่อาจนำมาใช้ ได้แก่ Quality Function Deployment (QFD) , Poka-yoke , Visual Control
2.การไม่มีมาตรฐาน เครื่องมือพื้นฐานที่อาจนำมาใช้ ได้แก่ 5ส , One Point Lesson (OPL) , Work Instruction , Standard Operation Procedure (SOP)
3.การไม่ได้สอนงาน เครื่องมือพื้นฐานที่อาจนำมาใช้ ได้แก่ On the Job Training (OJT) , Skill Matrix
.
ส่วนเครื่องมือที่เฉพาะเจาะจงสำหรับปรับปรุงกระบวนการตามแนวทาง LEAN นั้น ยังมีอีกมากมายและคงไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ในบทความนี้ แต่จะขอยกตัวอย่างชื่อเครื่องมือบางตัว สำหรับผู้ที่สนใจไปค้นคว้า ศึกษาเพิ่ม เช่น Value Stream Mapping (VSM) , Work Sampling , Process Flowchart , Time and Motion Study , Theory of Constraints (TOC) , Kanban เป็นต้น
.
การปรับปรุงกระบวนการผลิตนั้น เป็นเหมือนการเดินทาง ที่มีจุดเริ่มต้น แต่อาจไม่ใช่จะถึงจุดสิ้นสุดง่ายๆ อาจเรียกได้ว่า เป็นเส้นทางสู่ความเป็นเลิศก็ได้ แต่คุณอาจประเมินได้ว่า ตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนของเส้นทาง คุณมาไกลแค่ไหนแล้ว ด้วยการประเมินด้านการผลิต 8 ด้านนี้ ได้แก่
1. #การจัดการพื้นฐาน เช่น 5ส Visual Management , การสอนงาน
2. #การปรับปรุงงาน เช่น Kaizen
3. #การประสานงาน เช่น เป้าหมาย ข้อมูล ตัวชี้วัด การประชุมสื่อสาร
4. #การบำรุงรักษาเครื่องจักร อุปกรณ์
5. #การจัดการคุณภาพ ตั้งแต่สำรวจสภาพความเป็นจริง หาสาเหตุ แก้ไขและป้องกันการเกิดซ้ำ
6. #การจัดการการผลิตและการจัดส่ง ตั้งแต่การวางแผน จนถึงส่งมอบให้ลูกค้า
7. #การควบคุมพัสดุ ทั้งวัตถุดิบ สินค้าระหว่างทำ และสินค้าสำเร็จรูป
8. #การควบคุมต้นทุน ทั้งในส่วนที่ดำเนินการเอง ผู้ส่งมอบ และผู้รับเหมาช่วง
#lean #ลีนดิ #วันชัยแผนธุรกิจ #vpconsult

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

แอบใช้จุดเด่นของ 3 อาชีพ มาเสริมสร้างจุดแข็งให้กับชีวิตและธุรกิจของคุณ!

 


เริ่มจากคุณเป็น "ศิลปิน" ที่มีความฝัน เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้น มีจินตนาการที่รู้สึกสัมผัสได้ว่า ถ้าคุณทำตามเป้าหมายนั้นสำเร็จคุณจะรู้สึกอย่างไร จนคุณแทบจะอดใจรอให้ถึงตอนเช้าเพิ่อเริ่มลงมือทำไม่ไหว

.

จากนั้นก็เปลี่ยนมาสวมบทบาท "นักบิน" ที่มีจุดหมายปลายทางชัดเจน และพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจวางแผนไว้ ไม่ว่าจะเจอมรสุมพายุอะไร ก็จะต้องหาทางไปให้ถึงจุดหมายปลายทางให้ได้

.

จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้บทบาท "วิศวะ" เพื่อทบทวนสิ่งที่ได้ลงมือทำไปแล้ว เพื่อดูว่าควรปรับปรุงแก้ไขอะไร เพื่อให้มันดีขึ้นไปอีก รวมทั้งคุณยังไม่หยุดที่จะค้นคว้าทดลอง คิดค้นนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

.เคล็ดลับสำคัญ คืออย่าทำข้ามขั้นตอน คืออย่าเป็น นักบินที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน และอย่าเป็นวิศวะที่คิดแก้ไขปรับปรุงทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

2 สิ่งเปลี่ยนชีวิต แค่คิด แล้วก็ทำ



มีสมการ ที่เข้าใจได้ไม่ยาก คือ E+R=O ประกอบด้วย
.
E คือ Event สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
R คือ Re-Act การตอบสนองของเรา
O คือ Outcome ผลลัพธ์ที่เราได้รับ
.
สำหรับสถานการณ์(Event)นั้น อาจหลีกเลี่ยงเปลี่ยนแปลงไม่ได้
.
แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์(Outcome)ที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการตอบสนอง(Re-Act) เช่น ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าต้องการเพิ่มยอดขาย อาจจะเปลี่ยนวิธีการตอบสนอง โดย
.
✅เปลี่ยนจากการ สื่อสาร ที่เน้นข้อมูล เป็นการ เล่าเรื่อง ที่เน้นการอารมณ์ ความรู้สึกมากขึ้น
✅เปลี่ยนจาก ส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าที่เหมือนๆกันทุกราย เป็นรับฟังลูกค้ากลุ่มย่อยลง เพื่อหาความต้องการเชิงลึก(Insight) แล้วทำการตอบสนองในแต่ละกลุ่มย่อยอย่างเหมาะสม
✅เปลี่ยนจาก วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเฉพาะที่ซื้อสินค้าของเราแล้ว เช่น ข้อมูลจากโปรแกรมขาย (POS) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล พฤติกรรมผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าของเรา แม้จะยังไม่ได้เป็นลูกค้าก็ตาม เช่น จาก Google Analytics , กล้องวงจรปิด เป็นต้น
.
ถ้ามี ไอเดียอะไรดีดี ก็อย่าเก็บมันเอาไว้เฉยๆ นะครับ เปลี่ยน ไอเดีย ให้เป็น “แผนงาน”แล้วลงมือทำกันดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในภายหลัง

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564

พายเรือในอ่าง เสียเวลาเปล่าๆ


พายเรือในอ่าง เสียเวลาเปล่าๆ 🚢
.
📌เจ้าของกิจการท่านหนึ่ง ต้องการให้ผมช่วยหาทางเน้นย้ำกับพนักงานว่า อย่าหลงทำงานตามแผนปฏิบัติการที่ถูกถ่ายทอดมาในหน่วยงานของตน จนอาจลืมไปว่า “ทำแผนปฏิบัติการไปเพื่ออะไร?”
ซึ่งจริงๆแล้วพนักงานควรรู้ว่า “การทำแผนปฏิบัติการนั้น ก็เพื่อความสำเร็จของกลยุทธ์”🚩
.
📌ผมตอบว่า เห็นด้วย โดยขอเพิ่มอีกสักนิด ว่าให้เน้นย้ำพนักงานให้รับรู้ว่า “ทำกลยุทธ์ไปเพื่ออะไร?” ด้วย
เพราะคำตอบจะมีความหมายและมีความสำคัญกว่า นั่นก็คือ “เพื่อให้เป้าหมายสูงสุดขององค์กรประสบความสำเร็จ” 🎯 เพราะถ้าพนักงานไม่รู้ เป้าหมายสูงสุดขององค์กร ก็เหมือนกับ “กำลังพายเรือในอ่าง” คือทำอะไรไปมากมาย โดยที่ไม่รู้ว่า “ทำไปเพื่ออะไร?”
.
📌การจะทำให้เป้าหมายขององค์กรประสบความสำเร็จนั้น อันที่จริงแล้ว ควรเริ่มจากการวางระบบการบริหารองค์กรอย่างเป็นระบบ ซึ่งประกอบด้วยการจัดการหลายๆเรื่อง ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบระบบงาน, กระบวนการ, รูปแบบธุรกิจ การสร้างความร่วมมือ การออกแบบตัวชี้วัดและติดตามผล สร้างระบบการปรับปรุงผลการดำเนินงาน การพัฒนาทักษะ การประเมินผลงานพนักงาน เป็นต้น
ซึ่งการดำเนินการตามแนวทางข้างต้น จะเป็นหลักประกันพื้นฐานที่อาจช่วยองค์กรประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน เพราะเป็นการ “สร้างระบบ” ซึ่งเป็นสิ่งที่จะอยู่คู่กับองค์กรในระยะยาวแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือผู้บริหาร ระบบก็ยังจะคงอยู่ได้
.
📌อย่างไรก็ตาม การวางแผนกลยุทธ์นั้น ก็อาจเป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากการวางระบบการบริหารข้างต้น โดยการประเมินสถานการณ์ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อเติมเต็มให้ การขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายสูงสุดขององค์กรมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น โดยต้องทำควบคู่ไปกับการบริหารองค์กรอย่างเป็นระบบด้วย เหมือนกับการต่อจิ๊กซอที่ขาดหายไปให้ครบถ้วนทำให้ได้ภาพที่สวยงามสมบูรณ์🍕
.
📌การวางแผนกลยุทธ์ อาจหมายถึงการทำ “สิ่งที่ควรทำ” ให้กลายเป็น “สิ่งที่ได้ทำ(จนสำเร็จ)”
การวางแผนกลยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นการ ตัดสินใจว่าจะ “ทำ”อะไรเท่านั้น ในบางกรณีอาจเป็นการตัดสินใจว่าจะ “ไม่ทำ”อะไรบางอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ เป็นอุปสรรคขัดขวางการบรรลุเป้าหมายสูงสุดขององค์กรก็ได้
.
📌กรณีนี้ ถ้าจะมีกลยุทธ์ “ไม่ทำ”ก็ขอเสนอกลยุทธ์ “หยุดพายเรือในอ่าง” กันเถอะครับ

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Agile & Resilience แบบกิ้งก่าจิ้งจก

 



โลกสับสน ต้องลองค้นหาต้นแบบใหม่เพื่อความอยู่รอด.

องค์กรที่จะสามารถเอาตัวรอดและเติบโตในยุคนิวนอร์มอล อาจจะต้องใช้คุณสมบัติของกิ้งก่าและจิ้งจกเป็นต้นแบบกันแล้ว !!

ถ้าจะเปรียบเปรยสัตว์ที่มีพฤติกรรมเป็นต้นแบบขององค์กรสักชนิดหนึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะพูดถึง “ช้างหรือคิงคอง” ที่มีความแข็งแรงใหญ่โต  หรืออาจจะเป็นสัตว์ที่มีสายตายาวไกลมองเห็นอนาคตอย่าง “นกอินทรีย์”  แต่ในยุคนี้ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก องค์กรต้องมีการปรับตัวกันมากมาย  สัตว์ที่คิดว่าน่าจะเป็นต้นแบบในยุคนี้ที่เราอาจจะต้องพิจารณาสนใจ ก็คือ “กิ้งก่าและจิ้งจก” นะครับ

สำหรับ กิ้งก่า เราจะเห็นว่ามันมีชีวิตมานานมากแล้วนะครับ  อาจจะเป็นรุ่นเดียวกับไดโนเสาร์ด้วยซ้ำไป  แต่วันนี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่ เพราะมันมีความสามารถที่สำคัญอันนึงก็คือเรื่องของการ “ปรับตัว” เช่น กิ้งก่า ที่เปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อมที่มันอยู่เพื่อพรางตัวจากศัตรู

ส่วน จิ้งจก นั้นเราจะเห็นลักษณะสำคัญอีกอันหนึ่งที่สำคัญของมันก็คือ “การฟื้นคืนสภาพ” เมื่อไหร่ที่มันโดนประตูหนีบหางขาดหรืออะไรเนี่ยนะครับมันก็จะสามารถฟื้นคืนสภาพงอกหางใหม่ขึ้นมาได้ในเวลาไม่ช้า อันนี้เป็นลักษณะที่สำคัญสำหรับองค์กรในยุคปัจจุบัน คือจะต้องมีความสามารถในการปรับตัวได้คล่องเหมือนกับกิ้งก่าเปลี่ยนสีได้แล้วก็สามารถฟื้นคืนสภาพกลับมาได้เหมือนกับจิ้งจกที่งอกหางใหม่ได้นะครับ 

องค์กรที่มีการปรับตัวเร็วแบบกิ้งก่าเปลี่ยนสี อาจหมายถึงการทำงานที่มีระบบการทำงานที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป มีความร่วมมือไม่ว่าจะเป็นกับพาร์ทเนอร์ ผู้ส่งมอบ ส่งมอบที่มีความยืดหยุ่น มีโครงสร้างการทำงานไม่ซับซ้อนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการสื่อสารภายนที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ยกตัวอย่าง องค์กร 7- Eleven เวลาเกิดปัญหาอะไรหรือผู้บริหารระดับสูงประชุมกันในประจำสัปดาห์นะครับประชุมเสร็จภายในเวลาไม่นานนัก  สาขาอื่นอีก 10,000 กว่าสาขาทั่วประเทศก็จะได้รับรู้ข่าวสารการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากบอร์ดบริหาร แล้วนำไปปฏิบัติอย่างทั่วถึงทันเหตุการณ์

ส่วนการฟื้นคืนสภาพที่ดีแบบจิ้งจกหางขาดแล้วก็งอก ถ้าเป็นการบริหารองค์กร ก็อาจหมายถึง มีการคาดการณ์อนาคต  แล้วก็มีการเตรียมความพร้อมในการที่จะสำรองแผน  แผนสองแผนสามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หรือแม้ว่าแผนจะเกิดความผิดพลาด ก็จะหาทางกลับมาเริ่มใหม่ให้ได้อยู่ดี  ขอยกตัวอย่างธุรกิจของต่างประเทศนะครับ มีบริษัทหนึ่งเค้าเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของจำหน่ายยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาสุขภาพสัตว์ของฟาร์มซึ่งกำลังจะถูกรัฐบาลห้ามขายยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์  แทนที่เค้าจะท้อแท้เพราะว่ากิจการโดนบังคับให้ปิด แต่เขากลับหาทางฟื้นคืนสภาพคือเริ่มต้นใหม่ โดยทบทวนดูว่ามีอะไรที่พอจะเอามาใช้ได้บ้าง  สิ่งสำคัญที่เขามีอยู่ก็คือฐานลูกค้าที่เป็นฟาร์มที่ยังมีสัตว์เลี้ยงอยู่  เขาจึงเข้าสู่ธุรกิจ การดูแลสุขภาพสัตว์โดยใช้สารชีวภาพ(ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ) ซึ่งต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ส่วนความรู้เดิมก็หาทางต่อยอดไปสู่งานวิจัยขั้นสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีระดับสูงและนวัตกรรม ไปสู่ทำยาปฏิชีวนะสำหรับวงการแพทย์ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเดิมเป็น 100 เท่าเลยทีเดียว

ฝากไว้นะครับ  ในวันที่ประสบปัญหาท้องฟ้ามืดครึ้ม ให้นึกถึงว่า สักวันต้องเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ในขณะที่วันที่ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่ ก็ให้นึกถึงวันที่เลวร้ายที่สุดและเตรียมความพร้อมไว้

วันชัย ตันจารุพันธ์

Email ; wanchai@vpconsult.biz