วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565

9 ขั้นตอนการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ


 อุตส่าห์จะคิดทั้งที ต้องคิดแบบมี step ด้วย 9 ขั้นตอนการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ

💡.
ในการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ผมมักจะแนะนำองค์กรลูกค้าให้กำหนดขั้นตอนในการวางแผนไว้ 9 ขั้นตอน ดังนี้
✅1. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลพร้อมใช้สำหรับวางแผน อาจต้องทำขั้นตอนนี้มาตลอดทั้งปี มีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสม
✅2. กำหนด/ทบทวน ทิศทางการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม และทิศทางในดำเนินธุรกิจ
✅3. จัดทำกลยุทธ์ ทีมงานร่วมกันตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุด มีการเชื่อมต่อแผนงานต่างๆให้สอดคล้องกัน
✅4. กำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมาย กำหนดทั้งส่วนที่เป็นเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาว
✅5. วิเคราะห์และทบทวนระบบงาน เพื่อให้ทุกส่วน ทุกกระบวนการ มีความสอดคล้องสนับสนุนต่อกลยุทธ์ที่กำหนด
✅6. จัดทำแผนปฏิบัติการ เป็นการสร้างความชัดเจนว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามเป้าหมาย ทั้งแผนงาน แผนเงินและแผนคน
✅7. ถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ ทั้งรูปแบบการสื่อสาร การสร้างความมุ่งมั่นรับผิดชอบต่อเป้าหมายแผนงาน ครอบคลุมทั้งคนในและนอกองค์กร
8. ติดตาม วัดผล เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติยังคงอยู่ และไม่ออกนอกลู่นอกทาง
9. ประเมิน ทบทวนและปรับปรุง สะท้อนแรงยึดเกาะต่อเป้าหมายที่เหนียวแน่น ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทำให้การปฏิบัติมีความคล่องตัว
.
สรุป 💥ถ้าเริ่มต้นด้วยการคิดถึงผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือคิดวางแผนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามนั้น แล้วที่เหลือก็คือทำให้ได้ตามแผน จังหวะนี้ไม่ต้องคิดมากแล้ว แค่ทำให้ได้ตามแผนงานแต่ละส่วนตามเป้าหมายย่อยๆ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็รออยู่ข้างหน้าแล้ว
.

TOWS Matrix

 

TOWS Matrix คือเครื่องมือวิเคราะห์กลยุทธ์ ที่เรียบง่ายแต่ใช้ได้ผล โดยใช้แนวคิดพื้นฐานคือรู้จักจุดแข็ง(#Strength) จุดอ่อน(#Weakness) ของตัวเอง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับโอกาส(#Opportunity) และอุปสรรค(#Threat) ที่กำลังพบเจออยู่ นำมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ออกมาได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
.
1.#SO เติบโต ขยาย เป็นส่วนที่เรามีจุดแข็งและกำลังมีโอกาสที่ดี แนวทางตอบสนองต่อเงื่อนไขนี้ ก็คือต้องพยายามสร้างการเติบโตให้มากที่สุด เช่น เรามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพ และพบว่าโอกาสแนวโน้มคนสูงอายุเพิ่มมากขึ้นและมีความห่วงใยเรื่องสุขภาพมาก เราก็นำมาสร้างหรือขยายแผนธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เป็นต้น
.
2.#ST ใช้จุดแข็ง แล้วขยาย เป็นส่วนที่เรามีจุดแข็งอยู่ แต่สถานการณ์จะมีอุปสรรคหรือภัยคุกคามเกิดขึ้น เราจึงต้องใช้จุดแข็งที่เรามีอยู่ฝ่าฟันอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปให้ได้ เพื่อจะได้สามารถเติบโตได้อยู่ เช่น ธุรกิจนิตยสารสิ่งพิมพ์กำลังพบภัยคุกคามคือ คนมีแนวโน้มจะซื้ออ่านน้อยลง แต่เขามีจุดแข็งในเรื่องการผลิต Content จึงออกแผนการผลิตสื่อ Social ในรูปแบบต่างๆโดยใช้ความเก่งในการผลิต Content ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายอย่างมืออาชีพ
.
3.#WO แก้แล้วโต เป็นสถานการณ์ที่ในภาพรวมเกิดโอกาสที่ดีที่ใครคว้าได้ทันก็จะสบาย แต่เราดันไม่พร้อมที่จะเก็บโอกาสนั้น ด้วยจุดอ่อนของเราเอง จึงต้องรีบออกแผนมาแก้ไขจุดอ่อนของตัวเอง เพื่อจะได้เก็บโอกาสที่เกิดขึ้นได้ทัน เช่น ในช่วงที่ผ่านมา กิจการร้านค้าเพิ่มยอดซื้อเกี่ยวกับอุปกรณ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ซึ่งเราก็ทำธุรกิจอยู่ในวงการนี้แต่ผลิตภัณฑ์ยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ซึ่งแบบนี้ก็ต้องรีบแก้จุดอ่อนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
.
4.#WT ลด เลิก เป็นสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจเลย คือสถานการณ์ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค ตัวเราก็ไม่มีความพร้อม จึงเต็มไปด้วยปัญหาและมองไม่เห็นอนาคต ถ้าวิเคราะห์ออกมาว่าตกอยู่ในสถานการณ์นี้จริงๆ การถอนตัวออกจากธุรกิจก็ถือเป็นกลยุทธ์ชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ก่อนจะเลือกวิธีการนี้ อาจลองหาแนวทางอื่นก่อนก็ได้นะครับ เช่น หาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญกว่าเข้ามาร่วมมือกัน เปลี่ยนช่องทางหรือกลุ่มเป้าหมายที่เรามีความได้เปรียบกว่าคู่แข่งและหาจุดแข็งใหม่ที่โดดเด่นของเรา เป็นต้น
.

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2565

ดีขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง หัวใจของการปรับปรุงกระบวนการ

 


ถ้าตั้งโจทย์ด้วยหัวใจของการปรับปรุง 3 ข้อข้างต้น ก็ดูเหมือนเครื่องมือการจัดการผลิตที่ชื่อว่า “LEAN” น่าจะเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ได้ตรงกับหัวใจมากที่สุด เพราะเป้าหมายที่สำคัญของการทำระบบ LEAN ก็คือ #ลดต้นทุน #เพิ่มคุณค่า #ปรับตัวได้เร็ว

.
ความหมายตรงๆ ของ LEAN คือ การระบุและกำจัดความสูญเปล่า ในกระแสคุณค่าของกระบวนการ ดำเนินการตามจังหวะความต้องการของลูกค้าด้วยการดึง ให้เกิดการไหลอย่างต่อเนื่อง ราบเรียบ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
.
จากความหมายข้างต้น ก็พอจะเห็น How to อยู่ว่า ถ้าอยากจะนำ LEAN มาใช้ จะเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง แต่ต้องขอชี้แจงตั้งแต่ตรงนี้นะครับว่า LEAN เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงที่ต้องทำทั้งระบบ ไม่ใช่ทำเฉพาะจุด เฉพาะส่วน อย่างน้อยก็มีคำว่า “กระแสคุณค่า” ซึ่งไม่ใช่ แค่คุณค่าเฉพาะจุดเดียว แต่เป็นสายธารของคุณค่าที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ขยายความจากความหมาย เป็น How To หรือ ขั้นตอนการดำเนินการสำหรับองค์กรที่ทำระบบ LEAN มักจะเห็นโดยทั่วไปว่า แบ่งได้ 5 ขั้นตอน คือ
.
✅1.ชี้บ่งคุณค่า ทำความเข้าใจว่าอะไรคือคุณค่า อะไรเป็นความสูญเปล่า ค้นหาความสูญเปล่าเหล่านั้นแล้วกำจัดออกไป
✅2.สร้างกระแสคุณค่า นำคุณค่าชี้บ่งมาเขียนเป็นผังกระแสคุณค่า เพื่อให้เข้าใจกระบวนการชัดเจน เห็นโอกาสในการปรับปรุง
✅3.ทำให้กระแสคุณค่าไม่ติดขัด ทำให้เกิดการไหลคล่องทั้งในส่วนของกระบวนการผลิตและข้อมูล
✅4.ให้ความสำคัญเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น วางแผนการผลิตโดยใช้ความต้องการของลูกค้าเป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริง
✅5.ค้นหาความสูญเปล่าและกำจัดออกไปอย่างต่อเนื่อง
.
การดำเนินการให้เกิดผลในขั้นตอนต่างๆนั้น มีเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าใช้งานได้จริง คุณจึงเพียงแค่ไปเรียนรู้การใช้เครื่องมือ ตัดสินใจเลือกเครื่องมือการจัดการที่เหมาะสม แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับลักษณะกระบวนการในองค์กรของคุณ
.
ผมจะขอยกตัวอย่างเครื่องมือที่นิยมนำมาใช้ โดยขอจัดกลุ่มตามสาเหตุรากเหง้าของปัญหา ซึ่งเมื่อมีการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต มักจะสรุปรวมได้อยู่ 3 กลุ่มนี้ คือ
1.การออกแบบที่ไม่ดี เครื่องมือพื้นฐานที่อาจนำมาใช้ ได้แก่ Quality Function Deployment (QFD) , Poka-yoke , Visual Control
2.การไม่มีมาตรฐาน เครื่องมือพื้นฐานที่อาจนำมาใช้ ได้แก่ 5ส , One Point Lesson (OPL) , Work Instruction , Standard Operation Procedure (SOP)
3.การไม่ได้สอนงาน เครื่องมือพื้นฐานที่อาจนำมาใช้ ได้แก่ On the Job Training (OJT) , Skill Matrix
.
ส่วนเครื่องมือที่เฉพาะเจาะจงสำหรับปรับปรุงกระบวนการตามแนวทาง LEAN นั้น ยังมีอีกมากมายและคงไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ในบทความนี้ แต่จะขอยกตัวอย่างชื่อเครื่องมือบางตัว สำหรับผู้ที่สนใจไปค้นคว้า ศึกษาเพิ่ม เช่น Value Stream Mapping (VSM) , Work Sampling , Process Flowchart , Time and Motion Study , Theory of Constraints (TOC) , Kanban เป็นต้น
.
การปรับปรุงกระบวนการผลิตนั้น เป็นเหมือนการเดินทาง ที่มีจุดเริ่มต้น แต่อาจไม่ใช่จะถึงจุดสิ้นสุดง่ายๆ อาจเรียกได้ว่า เป็นเส้นทางสู่ความเป็นเลิศก็ได้ แต่คุณอาจประเมินได้ว่า ตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนของเส้นทาง คุณมาไกลแค่ไหนแล้ว ด้วยการประเมินด้านการผลิต 8 ด้านนี้ ได้แก่
1. #การจัดการพื้นฐาน เช่น 5ส Visual Management , การสอนงาน
2. #การปรับปรุงงาน เช่น Kaizen
3. #การประสานงาน เช่น เป้าหมาย ข้อมูล ตัวชี้วัด การประชุมสื่อสาร
4. #การบำรุงรักษาเครื่องจักร อุปกรณ์
5. #การจัดการคุณภาพ ตั้งแต่สำรวจสภาพความเป็นจริง หาสาเหตุ แก้ไขและป้องกันการเกิดซ้ำ
6. #การจัดการการผลิตและการจัดส่ง ตั้งแต่การวางแผน จนถึงส่งมอบให้ลูกค้า
7. #การควบคุมพัสดุ ทั้งวัตถุดิบ สินค้าระหว่างทำ และสินค้าสำเร็จรูป
8. #การควบคุมต้นทุน ทั้งในส่วนที่ดำเนินการเอง ผู้ส่งมอบ และผู้รับเหมาช่วง
#lean #ลีนดิ #วันชัยแผนธุรกิจ #vpconsult